ทำความดีอย่างสม่ำเสมออย่าให้กุศลมันขาดช่วงลง
จากหนังสือ กระโถนข้างธรรมาสน์
เพราะว่าทุกอย่างมันมีวาระบุญวาระกรรมของเขามาอยู่ บางอย่างที่คนเขาบอกบุญมีแต่กรรมบัง มันจริงๆ เพราะว่ากำลังของอกุศลมันสูงกว่า เมื่อถึงวาระที่กุศลมันขาดช่วงลงให้มันเสียบเข้ามาได้ล่ะ คราวนี้สาหัส
ท่านถึงได้สอนให้เราทำความดีอย่างสม่ำเสมออย่าให้กุศลมันขาดช่วงลง
ตัวอย่าง พระอัญญาโกณฑัญญะ พระสาวกองค์แรก
พระภิกษุองค์แรกในพระพุทธศาสนา
แล้วก็พระสุภัททะนี่เป็นองค์สุดท้ายเลย
ชาติแรก ๆ ท่านเกิดเป็นพี่น้องกัน แบ่งที่กันคนละครึ่งทำนา
ท่านโกณฑัญญะนี่ก็ไถนาตัวก็ทำบุญก่อน
ถึงเวลาหว่านข้าวก็ทำบุญก่อน
ข้าวตั้งท้องก็ทำบุญก่อน
เกี่ยวข้าวก็ทำบุญก่อน
ขนข้าวขึ้นยุ้งก็ทำบุญก่อน
ของท่านสุภัททะนี่ไปเล่นเอาตอนขนข้าวขึ้นยุ้งเรียบร้อยแล้วค่อยทำบุญทีเดียว
ท่านโกณฑัญญะท่านเล่นตั้งแต่แรก อานิสงส์ทำให้ท่านกลายเป็นพระอรหันต์องค์แรกในศาสนาของพระพุทธเจ้า
ส่วนท่านสุภัททะนั้นเกือบไม่ทันคืนสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานแล้ว
ได้ข่าวคราวว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่นั่น อุตส่าห์เดินทางไปถึง พระพุทธเจ้าท่านก็นอนยาวแล้ว
ปรากฏว่าพระอานนท์ไม่ให้เข้า ก็ถกเถียงกันอยู่
พระพุทธเจ้าท่านถามบอกว่า ใช่สุภัททะปริพาชกหรือไม่ ถ้าใช่ก็ปล่อยให้เข้ามา ท่านก็เข้าไป
ฟังธรรมแล้วกลายเป็นพระอรหันต์องค์สุดท้ายในยุคที่ทันเห็นพระพุทธเจ้า
นอกนั้นก็มาเป็นยุคหลัง ๆ ไม่ทันได้เห็นพระพุทธเจ้าที่มีชีวิตอยู่
คราวนี้เห็นหรือยังว่า เรื่องของบุญสำคัญแค่ไหน ไปกราบหลวงพ่อสมเด็จที่วัดสระเกศ ท่านติด
คติธรรมของสมเด็จพระสังฆราชอยู่ ญาโนทัย ที่เป็นพระอาจารย์ของท่านเอาไว้
”ถ้ายังเกิดแก่เจ็บตายต้องเร่งขวนขวายในบุญให้มาก”
เพราะถ้ายังเกิดอยู่ บุญมันมีส่วนช่วยมหาศาลเลย ถ้าบุญตามรักษา
บุญตามส่งผลซะอย่าง เกิดชาติไหนก็สบาย
มันมาอยู่ในวาระสุดท้ายแล้วต่างหากล่ะ
ตอนจะเข้านิพพานแล้วมันอยู่ในลักษณะพ้นบุญพ้นบาป
คนที่กำลังใจขนาดนั้นท่านก็ยังไม่ประมาทในงานบุญ หลวงปู่มหาอำพัน
เราก็รู้ว่าท่านเป็นพระระดับไหน ใส่บาตรทุกวัน นิมนต์พระในวัดไว้เลยนะ
“พระคุณเจ้าทุกองค์ ผมปวารณานะครับ ขอนิมนต์ใครออกบิณฑบาตขอให้ผ่านมาทางกุฏิผมให้ผมได้ทำบุญบ้าง”
ท่านเองตอนนั้นอายุแปดสิบกว่าแล้วนี่ ออกเองไม่ไหวแล้ว ลูกศิษย์ลูกหามาประเคนถึงกุฏิไม่ว่า
แต่ขอให้ได้ทำบุญ ถึงเวลาพระท่านผ่านมาก็นิมนต์ครับ ๆ ใส่บาตรทุกวัน
เราไปเป็นลูกศิษย์อยู่กับท่านมันเหนื่อยล่ะสิ เตรียมของให้ท่านทุกวัน
วันนั้นก็ถามหลวงปู่ครับ บุญของหลวงปู่ก็กินไม่ไหวใช้ไม่หมดอยู่แล้ว แล้วจะทำไปถึงไหนล่ะ ?
ถ้าเราเป็นอย่างหลวงปู่ยังไง ๆ มันก็พ้นแน่ ๆ อยู่แล้ว ยังจะไปทำอะไรนักหนา
หลวงปู่ท่านบอก
คุณนี่ เราจะไปไว้ใจได้ยังไง คนเราพอปีนไปถึงขอบเหวแล้ว
คือปีนจากเหวขึ้นไปพอถึงข้างบนแล้ว
มัวไปนั่งเอ้อระเหยตอนนั้นมันเกิดล่วงตุ้บลงไปจะว่ายังไง
พอถึงขอบเหวแล้วก็มีแต่รีบตะกายไปให้ไกล ๆ สิคุณ
นี่แหละ การไม่ประมาท แม้แต่ในกำลังใจที่ถึงที่สุดแล้ว
ท่านก็ยังไม่ประมาทในบุญในกุศล
มีแต่จะเร่งขวนขวายให้มาก ถามว่าติดบุญ
พระระดับหลวงปู่นี่ไม่ใช่ติดบุญอย่างเดียว บาปก็ไม่ติด
แต่ว่าท่านรู้ว่าบุญดีท่านก็ทำ รู้ว่าบาปชั่วท่านก็ละ ไม่ได้ติดทั้งบุญทั้งบาปแล้ว
รู้ว่าดีก็ทำ รู้ว่าชั่วก็ละ ไม่ได้เกาะทั้งดีทั้งชั่ว พระอย่างนี้จะไปไหน มันก็มีที่เดียวนั่นแหละ (หัวเราะ)
คนเรามีปัญญามันต้องแก้ไข
แก้ไขให้สิ้นกำลังตัวเอง
สิ้นกำลังปัญญา
สิ้นกำลังคน
สิ้นกำลังทรัพย์
ถ้าแก้ไขไม่ได้แล้วค่อยยอมรับว่ามันเป็นกฎของกรรม
ถ้ายังมีช่องทางให้ดิ้นรนแม้แต่นิดเดียวก็ต้องทำก่อน

